top of page

SIAMPOOL THAILAND

BLOG & UPDATE

ก่อนออกกำลังกายในน้ำหรือในสระว่ายน้ำ ต้องระวังอะไรบ้าง? เช็กเลย

  • รูปภาพนักเขียน: Siampool Thailand
    Siampool Thailand
  • 3 วันที่ผ่านมา
  • ยาว 1 นาที

ก่อนออกกำลังกายในน้ำหรือในสระว่ายน้ำ ต้องระวังอะไรบ้าง

การออกกำลังกาย เป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะทำให้สุขภาพแข็งแรง ช่วยฟื้นฟูสภาพร่างกายและจิตใจให้ดีขึ้น ลดความเครียด และชะลอและป้องกันการเกิดโรคต่าง ๆ ได้ดี โดยสามารถทำได้หลายวิธี ซึ่งหนึ่งในวิธีดี ๆ ที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากก็คือการออกกำลังกายในน้ำหรือสระว่ายน้ำนั่นเอง


ข้อดีของการออกกำลังกายในน้ำหรือในสระว่ายน้ำ


1. ลดแรงกระแทกต่อกระดูกและข้อต่อ

เนื่องจากน้ำเป็นตัวกลางที่จะช่วยพยุงร่างกาย ลดแรงที่ส่งผลต่อข้อเข่า รวมถึงกระดูกสันหลัง ทำให้แรงกระแทกที่มีต่อกระดูกและข้อต่อลดลงไป โดยการออกกำลังกายในน้ำนั้นเหมาะสำหรับผู้สูงอายุ ผู้ที่มีน้ำหนักตัวมาก และผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับข้อต่อต่าง ๆ


2. น้ำมีแรงต้าน ช่วยเสริมกล้ามเนื้อ

การออกกำลังกายในน้ำ จะทำให้กล้ามเนื้อได้ใช้แรงมากกว่าปกติ เนื่องจากน้ำมีแรงต้านทำให้รู้สึกหนัก ซึ่งจะช่วยเสริมกล้ามเนื้อ เพิ่มความแข็งแรง เสริมความยืดหยุ่น ทำให้กล้ามเนื้อผ่อนคลาย และลดอาการตึงตามร่างกายได้อย่างดี


3. เผาผลาญไขมันและควบคุมน้ำหนัก

การออกกำลังกายในน้ำจะช่วยเผาผลาญพลังงานในร่างกายได้อย่างดี เพราะน้ำมีทั้งแรงต้าน ทำให้เมื่อขยับตัวจะต้องใช้แรงมากกว่าปกติ จึงเผาผลาญแคลอรีได้ใกล้เคียงกับการวิ่งนั่นเอง


4. กระตุ้นระบบไหลเวียนเลือดและหัวใจ

หากออกกำลังกายในน้ำอย่างสม่ำเสมอ จะทำให้ระบบหัวใจและหลอดเลือดทำงานได้ดีขึ้น ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคความดันสูง โรคเบาหวาน รวมถึงโรคหัวใจได้


5. ช่วยผ่อนคลายและลดความเครียด

ว่ากันว่า การอาบน้ำจะช่วยลดความเครียดและทำให้อารมณ์ดีขึ้น การออกกำลังกายในน้ำก็เช่นกัน โดยสามารถลดความรู้สึกทางประสาท ทำให้ผ่อนคลาย ลดความตึงเครียดของกล้ามเนื้อและจิตใจได้ เป็นอีกวิธีแก้เครียดที่เหมาะสำหรับคนนอนไม่หลับ


การออกกำลังกายในน้ำ มีประเภทไหนบ้าง?

1. การว่ายน้ำ 

เป็นการว่ายน้ำด้วยท่าต่าง ๆ ใช้พลังงานเยอะ และใช้กล้ามเนื้อทั้งตัว ตั้งแต่หัวจรดเท้า ช่วยเสริมความแข็งแรง เพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจ ป้องกันและรักษาสภาวะข้อติด เผาผลาญไขมัน ทั้งยังลดน้ำหนักได้หากว่ายเป็นประจำ 


2. แอโรบิกในน้ำ 

คล้ายกับการเต้นแอโรบิคแต่ทำในน้ำ มีการเคลื่อนไหวตามจังหวะเพลง ยกแขน ยกขา หรือใช้อุปกรณ์เสริม เป็นการออกกำลังกายในน้ำที่จะช่วยเสริมความแข็งแรงของหัวใจและปอด เผาผลาญแคลอรีได้ดี เหมาะกับทุกเพศทุกวัย


3. Water Walking

Water Walking เป็นการเดินหรือวิ่งในน้ำที่มีความลึกตั้งแต่ระดับเอวถึงระดับอก หากเป็นน้ำที่มีความลึกมาก ๆ จะต้องใช้สายรัดลอยตัวไม่ให้จมในน้ำ ซึ่งการออกกำลังกายในน้ำรูปแบบนี้ จะช่วยลดแรงกระแทกที่เข่า ข้อเท้า และสะโพก รวมถึงเพิ่มความแข็งแรงของขาและแกนกลางลำตัวได้อีกด้วย


4. การโยคะในน้ำ

หากรู้สึกว่ากำลังปวดหลัง หรืออยากฟื้นฟูร่างกาย การทำโยคะในน้ำถือเป็นอีกตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการออกกำลังกายในน้ำ เพราะนอกจากจะช่วยทำให้กล้ามเนื้อผ่อนคลายแล้ว ยังเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับร่างกายอีกด้วย เหมาะสำหรับผู้สูงอายุ และผู้ฟื้นฟูร่างกายเป็นอย่างมาก


5. การฝึกกล้ามเนื้อในน้ำ

การฝึกกล้ามเนื้อเป็นการออกกำลังกายในน้ำที่มีการใช้อุปกรณ์เสริม เช่น ดัมเบลน้ำ, บาร์โฟม เข้ามาช่วยเพิ่มแรงต้านในการบริหารกล้ามเนื้อเฉพาะจุด จะช่วยเพิ่มมวลร่างกายได้โดยไม่ต้องเสี่ยงกับการบาดเจ็บใด ๆ และสามารถฝึกได้ทั้งส่วนแขน ขา หลัง และหน้าท้อง เหมือนกันการออกกำลังกายในยิมตามปกติ


ข้อควรระวังในการออกกำลังกายในน้ำหรือในสระว่ายน้ำ

1. ตรวจสุขภาพก่อน 

ก่อนออกกำลังกายในน้ำ ควรตรวจสุขภาพก่อนเสมอ หากเป็นผู้ที่มีโรคประจำตัว อย่างโรคหัวใจ โรคความดัน หรือโรคที่เกี่ยวกับระบบประสาท รวมถึงผู้ที่กำลังตั้งครรภ์ ควรขอคำแนะนำจากแพทย์ก่อนเพื่อความปลอดภัย


2. เลือกสถานที่ปลอดภัย 

การเลือกสระว่ายน้ำที่ปลอดภัยจะส่งผลดีกับการออกกำลังกายในน้ำเป็นอย่างมาก โดยควรเลือกผู้ให้บริการที่มีเจ้าหน้าที่ดูแล มีอุปกรณ์ที่ได้มาตรฐาน ไม่ชำรุด พื้นที่ในสระน้ำมีความสะอาด ที่สำคัญต้องเลือกระดับความลึกของสระน้ำให้เหมาะกับกิจกรรมที่ทำ หากวอล์คกิ้ง หรือแอโรบิก ควรเลือกสระตื้น แต่ถ้าต้องการฝึกว่ายน้ำหรือลอยตัว สระว่ายน้ำลึกจะเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมมากกว่า


3. วอร์มอัป คลายกล้ามเนื้อก่อนลงน้ำ

ก่อนออกกำลังกายในน้ำ ควรวอร์มร่างกายให้อบอุ่นเพื่อลดอาการบาดเจ็บขณะทำกิจกรรมในสระว่ายน้ำ เมื่อออกกำลังกายเสร็จแล้ว ควรยืดเส้นยืดสายคลายกล้ามเนื้อสักนิด เพื่อป้องกันตะคริวและกล้ามเนื้อเกร็งด้วยเช่นกัน


4. ระวังตะคริวขณะอยู่ในน้ำ

การใช้แรงกับการออกกำลังกายในน้ำมากเกินไป อาจทำให้เป็นตะคริวได้ หากเป็นตะคริวจะรู้สึกปวดเกร็งที่กล้ามเนื้อเป็นอย่างมาก เมื่อสัมผัสก็จะพบก้อนเนื้ออยู่บริเวณที่มีอาการปวด แต่จะสามารถหายเองได้ใน 15 นาที หากเป็นตะคริวขณะออกกำลังกายในน้ำ ให้พยายามลอยตัวเหนือน้ำ และขอความช่วยเหลือจากผู้ที่อยู่รอบสระ โดยสามารถบรรเทาอาการตะคริวได้เองเบื้องต้น ดังนี้


  • ตะคริวที่น่องด้านหลัง ให้หงายตัวขึ้น แล้วยกขาขึ้นเหนือน้ำเข้าหาใบหน้า 

  • ตะคริวที่หลังขาอ่อน ให้ทำท่านอนคว่ำ แล้วค่อยพับข้อเท้าเข้าหาด้านหลัง

  • ตะคริวที่ข้อเท้า ให้นอนหงายและนวดหรือหมุนที่ข้อเท้าเบา ๆ 


5. เลือกชุดว่ายน้ำที่เหมาะสม

การเลือกชุดว่ายน้ำที่ใส่แล้วกระชับ จะทำให้เคลื่อนไหวได้สะดวกมากยิ่งขึ้น ส่วนรองเท้าควรเป็นแบบกันลื่นและระบายน้ำได้ดี และหากต้องใช้อุปกรณ์เสริม การใช้อย่างถูกวิธีจะช่วยเพิ่มความปลอดภัยขณะออกกำลังกายในน้ำได้ 


6. ไม่ควรออกกำลังกายในน้ำเพียงลำพัง

โดยเฉพาะคนที่มีปัญหาด้านสุขภาพ ผู้ที่อยู่ในระดับเริ่มต้น และผู้ที่ทำกิจกรรมในน้ำลึกหรือฝึกท่ายาก ควรออกกำลังกายในน้ำโดยมีผู้ดูแลหรือมีเพื่อนร่วมกิจกรรมอยู่ใกล้ ๆ เพื่อให้ได้รับความช่วยเหลืออย่างทันท่วงที หากมีเหตุไม่คาดฝันเกิดขึ้น


การออกกำลังกายในน้ำไม่ใช่เรื่องยาก แต่ต้องปฏิบัติตามข้อควรระวังอย่างเคร่งครัด และเลือกวิธีให้เหมาะสมกับสภาพร่างกาย เพื่อเซฟตัวเองจากความเสี่ยงต่าง ๆ ขณะที่อยู่ในน้ำ หากมีข้อสงสัยเรื่องสระว่ายน้ำเพิ่มเติม สามารถปรึกษา siampool ผู้ให้มีประสบการณ์ดูแลและสร้างสระว่ายน้ำมาเป็นเวลาหลายปีได้เลย

 
 
bottom of page