top of page

SIAMPOOL THAILAND

BLOG & UPDATE

เผย 7 ปัญหาสระว่ายน้ำที่พบบ่อย มีอะไรบ้าง?

  • รูปภาพนักเขียน: Siampool Thailand
    Siampool Thailand
  • 11 ก.ค.
  • ยาว 1 นาที

อัปเดตเมื่อ 6 ส.ค.

ปัญหาสระว่ายน้ำ

สระว่ายน้ำเมื่อใช้งานไปได้สักระยะ ก็มักจะมีปัญหาตามมา บางปัญหาหากปล่อยทิ้งไว้ไม่แก้ไขให้ถูกวิธี ไม่เพียงแต่ส่งผลต่อสุขภาพของผู้ใช้งานเท่านั้น แต่ยังทำให้อายุการใช้งานของสระว่ายน้ำสั้นลงอีกด้วย โดยในบทความนี้จะพาไปรู้จักกับ “ปัญหาสระว่ายน้ำที่พบบ่อย” พร้อมแนวทางป้องกันและแก้ไขเพื่อให้สระว่ายน้ำสะอาดปลอดภัยอยู่เสมอ 


ปัญหาสระว่ายน้ำที่พบบ่อย มีอะไรบ้าง?

1. ตะไคร่น้ำในสระว่ายน้ำ

ตะไคร่น้ำ คือสิ่งสกปรกที่เกาะอยู่ตามพื้นสระว่ายน้ำ ตามผนังสระ หรือบันไดสระ มักจะเติบโตในสระว่ายน้ำที่ขาดการทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ หรือขาดการใช้คลอรีน หากมีคราบตะไคร่สะสมอยู่ในปริมาณมาก นอกจากจะทำให้สระว่ายน้ำขาดความสวยงามแล้ว ยังทำให้พื้นลื่นได้อีกด้วย นับเป็นปัญหาสระว่ายน้ำที่ควรกำจัดให้เร็วที่สุด


โดยการกำจัดตะไคร่น้ำในสระว่ายน้ำนั้น สามารถทำได้หลายวิธีด้วยกัน เช่น การใช้แปรงขัดเพื่อทำความสะอาดสระว่ายน้ำ การใช้คลอรีนกำจัดสิ่งสกปรก รวมถึงการใช้เครื่องฉีดน้ำแรงดันสูง ฉีดแรง ๆ เพื่อขจัดคราบตะไคร่ให้หลุดออกจากพื้นและผนังสระ 


2. สระว่ายน้ำเขียว

อีกหนึ่งปัญหาสระว่ายน้ำที่พบเห็นได้บ่อย ๆ ก็คือปัญหาสระว่ายน้ำเขียว ซึ่งเกิดจากการที่มีตะไคร่น้ำหรือสาหร่ายเติบโตสะสมในจำนวนมาก ๆ โดยเฉพาะสระว่ายน้ำที่มีคลอรีนต่ำ หรือสระน้ำอุ่น รวมถึงสระว่ายน้ำที่ขาดการดูแลรักษาอย่างสม่ำเสมอทำให้มีเศษสิ่งสกปรกต่าง ๆ สะสมอยู่นั่นเอง นอกจากนี้ การที่อุปกรณ์สระว่ายน้ำชำรุดก็ทำให้เกิดน้ำเขียวได้ด้วยเช่นกัน เช่น ระบบกรองอุดตัน, ปั๊มสระว่ายน้ำมีขนาดเล็กเกินไป, อุปกรณ์ฆ่าเชื้อทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ หรือเครื่องดูดตะกอนชำรุดจนทำงานได้ไม่ดี


วิธีแก้ปัญหาสระว่ายน้ำเขียว สามารถทำได้ 3 วิธีง่าย ๆ ประกอบด้วย


  1. ทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ ตักเศษสิ่งสกปรกออกหรือใช้เครื่องดูดตะกอนออกเพื่อป้องกันการสะสมของสิ่งสกปรกในสระว่ายน้ำ 

  2. ทำความสะอาดระบบกรอง เปลี่ยนเครื่องกรองเมื่อครบอายุการใช้งาน เพื่อให้ระบบกรองทำงานได้อย่างเต็มที่ 

  3. เลือกใช้อุปกรณ์สระว่ายน้ำที่ได้มาตรฐาน เพื่อความปลอดภัยและลดปัญหาจุกจิกที่อาจเกิดตามมาด้วย


3. น้ำมีกลิ่นแรง

ปัญหาสระว่ายน้ำมีกลิ่นแรง เกิดได้จากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็น การที่คลอรีนทำปฏิกิริยากับสารอินทรีย์ในน้ำ เช่น เหงื่อ โลชัน เครื่องสำอาง ปัสสาวะ จนทำให้เกิดสารคลอรามีนที่มีกลิ่นฉุน หรือการที่ค่า pH ในน้ำไม่ปกติ ทำให้คลอรีนมีกลิ่นแรงขึ้น รวมถึงการเติมคลอรีนมากเกินไปด้วยเช่นกัน


วิธีแก้ปัญหาสระว่ายน้ำมีกลิ่นแรง สามารถทำได้ด้วยการช็อกคลอรีน หรือก็คือการเติมคลอรีนเข้มข้นลงไปในปริมาณเยอะ ๆ เพื่อกำจัดคลอรามีน, การปรับค่า pH ให้เหมาะสม (อยู่ที่ 7.2 - 7.6) และการใช้ระบบระบายอากาศในสระว่ายน้ำ เพื่อเติมออกซิเจนในน้ำ และลดกลิ่นคลอรีนในสระว่ายน้ำ 


4. สระว่ายน้ำมีฟอง 

แม้จะดูเป็นปัญหาเล็ก ๆ แต่ปัญหาสระว่ายน้ำมีฟอง สะท้อนถึงความผิดปกติของระบบบำบัดน้ำในสระ ซึ่งเกิดจากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็น การสะสมของสิ่งปนเปื้อนในน้ำ เช่น ครีม โลชัน หรือเครื่องสำอางต่าง ๆ หรือการเติมคลอรีนในปริมาณมากเกินไป รวมถึงการที่ระบบน้ำวนทำงานได้ไม่ดีทำให้สระว่ายน้ำมีสารเคมีหรือมีสิ่งปนเปื้อนหลงเหลืออยู่


วิธีแก้ไขปัญหาสระว่ายน้ำมีฟองทำได้ไม่ยาก แค่ต้องอาศัยความสม่ำเสมอ เริ่มจากการทำความสะอาดสระว่ายน้ำ, การปรับค่าสารเคมีในสระ, การเปิดระบบน้ำวนขั้นต่ำ 8-12 ชั่วโมงต่อวัน รวมถึงการตรวจสอบปั๊มและระบบกรองเป็นประจำ เพื่อการทำงานที่มีประสิทธิภาพนั่นเอง 


5. สระว่ายน้ำรั่ว

ปัญหาสระว่ายน้ำรั่ว เกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น โครงสร้างสระแตกร้าว, ความเสื่อมสภาพของอุปกรณ์ต่าง ๆ, วัสดุกันซึมเสื่อมสภาพหรือฉีกขาด, ระบบท่อเกิดการรั่วซึม รวมถึงการใช้วัสดุคุณภาพต่ำที่ไม่ทนต่อน้ำหรือสารเคมี ทำให้สระว่ายน้ำเกิดการรั่วซึม โดยจะส่งสัญญาณออกมาผ่านระดับน้ำที่ลดเร็วกว่าปกติ ทำให้ค่าน้ำสูงกว่าที่เคยเป็น, พื้นที่รอบสระทรุดตัว หรือแม้แต่มีเศษกระเบื้องหลุดออกมาเนื่องจากการดันของน้ำที่ซึมเข้าไปอยู่ด้านใต้นั่นเอง


วิธีเช็กปัญหาสระว่ายน้ำรั่วซึม อย่างง่ายที่สุดคือการเช็กด้วยสายตา หากพบว่ามีรอยร้าว หรือมีความชื้นขึ้นบริเวณพื้นดินรอบ ๆ สระ ควรติดต่อช่างผู้ให้บริการสระว่ายน้ำครบวงจรช่วยตรวจสอบ ซึ่งจะมีอุปกรณ์เฉพาะทางที่จะช่วยให้การตรวจเช็กสาเหตุของการรั่วซึมมีความแม่นยำมากยิ่งขึ้น และจะทำให้สามารถแก้ปัญหาได้อย่างรวดเร็ว ลดภาระค่าใช้จ่ายที่มาจากปัญหาบานปลายได้


6. ระบบกรองและอุปกรณ์ทำงานผิดปกติ

อีกหนึ่งปัญหาที่มักถูกมองข้ามคือเรื่อง ระบบกรองน้ำและอุปกรณ์สระว่ายน้ำที่เสื่อมสภาพหรือทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นปั๊มน้ำที่มีเสียงดังหรือแรงดันลดลง, ระบบกรองอุดตัน, หัวจ่ายน้ำไม่ไหล หรือแม้แต่ระบบน้ำวนที่ทำงานได้ไม่ครบเวลา ล้วนแล้วแต่ส่งผลต่อคุณภาพน้ำในสระโดยตรง เมื่อระบบกรองทำงานไม่ดี จะทำให้น้ำขุ่น มีคราบสิ่งสกปรกตกค้าง และอาจเกิดตะไคร่สะสมมากขึ้นในระยะยาว


วิธีป้องกันและแก้ไข ควรตั้งเวลาการเปิดระบบกรองให้เหมาะสม (อย่างน้อย 8-12 ชั่วโมงต่อวัน), ตรวจเช็กสภาพของปั๊มกรองอย่างสม่ำเสมอ และเปลี่ยนวัสดุกรอง (เช่นทรายหรือใยกรอง) เมื่อครบอายุการใช้งาน นอกจากนี้ควรเลือกใช้อุปกรณ์ที่ได้มาตรฐานและเหมาะกับขนาดของสระ เพื่อให้ทุกระบบทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ


7. ปัญหาค่าเคมีในน้ำไม่สมดุล

การควบคุมคุณภาพของน้ำในสระว่ายน้ำ ไม่ได้มีแค่การเติมคลอรีนเท่านั้น แต่ยังต้องควบคุมค่าพีเอช (pH), ความเป็นด่าง, และค่าคลอรีนคงเหลือให้อยู่ในช่วงที่เหมาะสม ซึ่งหากค่าเคมีเหล่านี้ผิดเพี้ยน จะส่งผลกระทบต่อทั้งน้ำในสระและสุขภาพผู้ใช้งาน เช่น ทำให้ผิวแห้ง ระคายเคืองตา หรือทำให้คลอรีนไม่สามารถฆ่าเชื้อโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ


วิธีดูแล ควรตรวจสอบค่าเคมีในน้ำสระอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1–2 ครั้ง และปรับด้วยสารเคมีตามค่าที่ตรวจพบ โดยค่า pH ที่เหมาะสมอยู่ระหว่าง 7.2 – 7.6 และควรมีการ “ช็อกคลอรีน” เป็นระยะ เพื่อรักษาความสะอาดและลดการสะสมของคลอรามีนในน้ำ


จะเห็นได้ว่าปัญหาสระว่ายน้ำที่พบได้บ่อย ส่วนมากมักมาจากสาเหตุ “การไม่ทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ” ทำให้เกิดการสะสมของสิ่งสกปรกต่าง ๆ ขึ้นนั่นเอง ส่วนอีกสาเหตุนั้นมาจากการเสื่อมสภาพหรือการชำรุดของอุปกรณ์สระว่ายน้ำ ส่งผลให้ขจัดสิ่งสกปรกภายในสระได้อย่างไม่เต็มประสิทธิภาพนั่นเอง ดังนั้น หากต้องการสร้างสระว่ายน้ำไว้ใช้งาน ควรดูแลสระว่ายน้ำอย่างสม่ำเสมอ เพื่อความปลอดภัยและสุขอนามัยที่ดี หากสนใจบริการสร้างสระว่ายน้ำแบบครบวงจรตั้งแต่ ออกแบบ ก่อสร้าง ดูแลสระว่ายน้ำ สามารถข้อคำปรึกษากับทางสยามพูลได้เลย เราเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านสระว่ายน้ำ มีประสบการณ์ด้านสระว่ายน้ำมาอย่างยาวนาน

 
 
bottom of page