การวางระบบสระว่ายน้ำควรทำอย่างไร? มีอะไรบ้าง ที่คนสร้างสระว่ายน้ำควรรู้
- Siampool Thailand
- 25 ก.ค.
- ยาว 2 นาที
อัปเดตเมื่อ 6 ส.ค.

การวางระบบสระว่ายน้ำที่ดี เป็นกุญแจสำคัญของการสร้างสระว่ายน้ำที่จะทำให้สระว่ายน้ำมีความปลอดภัย น้ำใส และใช้งานได้ยาวนาน ช่วยลดปัญหาจุกจิกที่อาจเกิดขึ้น เช่น น้ำเขียวขุ่น มีตะไคร่เกาะ หรือค่าเคมีไม่สมดุล ทำให้ต้องเสียทั้งเงินทั้งเวลาในการซ่อมแซม จึงต้องมีการวางระบบสระว่ายน้ำที่ถูกต้องเพื่อความปลอดภัย และความสะดวกในการบำรุงรักษานั่นเอง
การวางระบบสระว่ายน้ำคืออะไร มีความสำคัญอย่างไร?
การวางระบบสระว่ายน้ำ คือ การออกแบบและติดตั้งระบบต่าง ๆ ให้ถูกต้องและสอดคล้องกับขนาดและรูปแบบของสระว่ายน้ำ ไม่ว่าจะเป็น ระบบกรอง, ระบบฆ่าเชื้อโรค, ระบบท่อ หรือระบบไฟฟ้า เพื่อให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยกับผู้ใช้งานมากที่สุด
การวางระบบสระว่ายน้ำที่ถูกต้อง ต้องทำยังไงบ้าง?
1. ออกแบบห้องเครื่องสระว่ายน้ำ
การวางระบบสระว่ายน้ำที่ดี จะต้องเริ่มจาก “ห้องเครื่อง” ซึ่งเป็นห้องที่ใช้ติดตั้งอุปกรณ์ระบบกรองและระบบฆ่าเชื้อในสระว่ายน้ำ โดยการติดตั้งห้องเครื่องสระว่ายน้ำ จะต้องคำนึงถึงตำแหน่งที่ตั้ง ขนาด และข้อจำกัด ดังนี้
ขนาดห้องเครื่อง : ต้องเพียงพอต่อการติดตั้งอุปกรณ์จำเป็นทั้งหมด และมีพื้นที่มากพอให้ช่างสระว่ายน้ำเข้าไปซ่อมบำรุงหรือถอดเปลี่ยนอุปกรณ์
อากาศถ่ายเทได้ดี : ห้องเครื่องต้องระบายอากาศได้ดี เพื่อลดความชื้น และป้องกันเชื้อรา
ระบายน้ำได้ดี : อาจทำพื้นให้ลาดเอียงเล็กน้อย หรือติดตั้งท่อระบายน้ำ เพื่อป้องกันน้ำท่วม หรือฝนตกหนักจนทำให้น้ำขังภายใน
ตำแหน่งห้องเครื่อง : การวางระบบสระว่ายน้ำที่ดี จะต้องวางตำแหน่งห้องเครื่องให้เหมาะสม โดยเลือกจุดที่อยู่ใกล้สระว่ายน้ำ เพื่อลดการสูญเสียแรงดัน และทำให้สามารถเดินท่อและซ่อมบำรุงได้สะดวก
มีความปลอดภัย : ห้องเครื่องควรมีที่ล็อกประตู เพื่อป้องกันไม่ให้เด็กหรือคนทั่วไปเข้าไปโดยไม่ได้รับอนุญาต
2. เลือกอุปกรณ์ในห้องเครื่องที่มีคุณภาพ
การเลือกอุปกรณ์ที่มีคุณภาพดี มีมาตรฐานรองรับ และมีความเหมาะสมกับอัตราการจ่ายน้ำและปริมาณน้ำในสระว่ายน้ำ จะทำให้การวางระบบสระว่ายน้ำมีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
2.1 ปั๊มสระว่ายน้ำ
อุปกรณ์ในการวางระบบสระว่ายน้ำที่จะขาดไปไม่ได้เลยก็คือ ปั๊มสระว่ายน้ำ มีหน้าที่การดูดน้ำและสิ่งสกปรกมาสู่ระบบกรอง ทำให้น้ำในสระหมุนเวียน ลดการสะสมของแบคทีเรียและสิ่งสกปรกต่าง ๆ ส่งผลดีกับสุขภาพของผู้ใช้ โดยต้องเลือกปั๊มสระว่ายน้ำให้สอดคล้องกับขนาดของสระ เช่น ปั๊มเล็ก 1 แรงม้า ควรใช้กับสระที่มีขนาดไม่เกิน 60 คิว ส่วนปั๊มใหญ่ 7.5 แรงม้า จะเหมาะกับสระที่มีขนาด 400 คิวขึ้นไป
2.2 ถังกรองสระว่ายน้ำ
อีกหนึ่งอุปกรณ์สำคัญที่ต้องมีเมื่อต้องวางระบบสระว่ายน้ำ ก็คือ ถังกรองสระว่ายน้ำ ซึ่งจะคอยทำหน้าที่ดักจับสิ่งสกปรกและสารปนเปื้อนต่าง ๆ ที่อยู่ในน้ำ ทำให้น้ำใสสะอาดน่าเล่นอยู่เสมอ โดยจะแบ่งออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่
ถังกรองทราย : จุดเด่นคือทำความสะอาดได้สะดวกที่สุดแค่เลือกฟังก์ชันที่หัวมัลติพอร์ตวาล์ว โดยจะกรองละเอียดที่ 30 ไมครอน เหมาะกับการวางระบบสระว่ายน้ำขนาดกลาง-ใหญ่ พบเห็นได้บ่อยในสระว่ายน้ำสาธารณะ
ถังกรองกระดาษ : กรองได้ละเอียดที่ 10-30 ไมครอน และสามารถถอดไส้กรองออกมาเปลี่ยนใหม่ได้ เหมาะกับการใช้งานในสระว่ายน้ำขนาดเล็กไม่เกิน 20 คิว, สระชั่วคราว, บ่อน้ำพุ หรือบ่อน้ำโชว์
ถังกรองผ้า : นิยมใช้ในการวางระบบสระว่ายน้ำขนาดกลาง-ใหญ่ ข้อดีคือกรองได้ละเอียดมากที่สุด ถึง 3 ไมครอน และสามารถถอดไส้กรองออกมาทำความสะอาดได้ แต่ควรมีผู้ดูแลประจำ (เนื่องจากต้องถอดอุปกรณ์)
2.3 ระบบฆ่าเชื้อโรค
สระว่ายน้ำระบบคลอรีน : การวางระบบสระว่ายน้ำที่มีการใช้คลอรีนมาควบคุมและฆ่าเชื้อโรคในสระว่ายน้ำ ข้อดีคือติดตั้งง่าย มีราคาถูกกว่าระบบเกลือ แต่มีกลิ่นค่อนข้างแรง และต้องใช้การดูแลมากกว่า
สระว่ายน้ำระบบเกลือ : การวางระบบสระว่ายน้ำที่มีการใช้เกลือมาควบคุมและลดจำนวนจุลินทรีย์ของน้ำในสระ ข้อดีคือไม่ทำให้ผิวแห้ง น้ำในสระไม่มีกลิ่นฉุน ไม่ต้องเติมเกลือบ่อย แต่ต้องแลกมากับค่าใช้จ่ายในการติดตั้งที่สูง
สระว่ายน้ำระบบน้ำแร่จากเกลือหิมาลัย : การวางระบบสระว่ายน้ำที่มีการใช้เกลือหิมาลัย PURASALTS ซึ่งอุดมไปด้วยแร่ธาตุมาควบคุมจุลินทรีย์ของน้ำในสระ จุดเด่นคือไม่มีกลิ่นคลอรีน อ่อนโยนต่อผิว ช่วยในเรื่องการบำรุงผิวพรรณ ทำให้ชุ่มชื่น ช่วยผ่อนคลายความเมื่อยล้า สามารถดูแลและซ่อมบำรุงได้ง่าย เสียอย่างเดียวคือมีค่าใช้จ่ายในการติดตั้งสูง
3. ออกแบบระบบท่อ
ระบบท่อ เป็นส่วนสำคัญของการวางระบบสระว่ายน้ำ ซึ่งจะทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการส่งน้ำเข้าสู่ระบบกรองและระบบฆ่าเชื้อ จากนั้นก็จะส่งน้ำที่ใสสะอาดกลับเข้าสู่สระว่ายน้ำ โดยการออกแบบระบบท่อนั้น มีสิ่งที่ต้องคำนึง ดังนี้
ประเภทของท่อ : มีให้เลือกทั้งท่อ PVC (ทนสารเคมี-การกัดกร่อน), ท่อ CPVC (ทนความร้อนสูง) และท่อ Stainless Steel (ทนแรงดันสูงได้ดี)
ขนาดของท่อ : ขนาดของท่อ จะต้องเหมาะสมกับปริมาณการไหลของน้ำ หากเลือกท่อขนาดเล็กมากเกินไป อาจทำให้รับแรงดันและการไหลของน้ำขนาดมาก ๆ ไม่ไหว
การวางท่อ : จัดวางท่อในระบบสระว่ายน้ำให้สะดวกต่อการบำรุงรักษา และไม่ขัดขวางการทำงานของอุปกรณ์อื่น ๆ
แยกระบบท่อ : การวางระบบสระว่ายน้ำที่ดี จะต้องแยกระบบท่อเพื่อความสะดวกในการไหลเวียนน้ำด้วย โดยจะแบ่งเป็น ท่อดูดน้ำเข้าระบบกรอง ท่อส่งน้ำเข้าสระ และท่อน้ำทิ้ง
ความทนทาน : เลือกยี่ห้อที่มีความแข็งแรงทนทานเพื่อป้องกันการรั่วซึม
ระบบวาล์ว : ติดตั้งวาล์วเปิด-ปิดน้ำ เพื่อควบคุมการไหลของน้ำ และควบคุมแรงดันในระบบ
4. เลือกอุปกรณ์ควบคุมและระบบไฟฟ้า
อุปกรณ์ควบคุมและระบบไฟฟ้า เป็นอีกสิ่งที่ต้องมีเมื่อต้องวางระบบสระว่ายน้ำ ซึ่งจะทำหน้าที่ควบคุมและจัดการการทำงานของอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับไฟฟ้าให้เป็นระบบ
ตู้ควบคุมปั๊มน้ำ : ควบคุมการเปิด–ปิดของปั๊มน้ำและเครื่องกรองในระบบสระว่ายน้ำ มีให้เลือกทั้งแบบแมนนวล, ตั้งเวลาได้ และควบคุมผ่านแอป
ระบบตั้งเวลาอัตโนมัติ : ใช้ควบคุมช่วงเวลาทำงานของปั๊มน้ำ ระบบกรอง และไฟใต้น้ำ ตามเวลาที่กำหนด นิยมใช้กับสระว่ายน้ำส่วนตัว, ฟิตเนส, โรงแรม
ระบบควบคุมผ่านแอป : เชื่อมต่อ Wi-Fi หรือ Bluetooth ควบคุมผ่านมือถือ สามารถตั้งเวลาเปิด–ปิดปั๊มและไฟได้จากระยะไกล
เบรกเกอร์ : เพื่อความปลอดภัยในการวางระบบสระว่ายน้ำ จะต้องติดตั้งเบรกเกอร์ด้วย เพื่อป้องกันความเสียหายจากกระแสไฟฟ้าลัดวงจร ซึ่งจะมีทั้ง เบรกเกอร์ย่อย (MCB) จะตัดวงจรทันทีเมื่อไฟเกิน ส่วน RCD จะป้องกันไฟรั่ว ป้องกันไฟดูด และ Surge Protector จะป้องกันอุปกรณ์เสียหายจากไฟกระชาก
กล่องครอบกันน้ำ : สำหรับติดตั้งอุปกรณ์ไฟฟ้าในพื้นที่เปียกชื้น เช่น ใกล้ห้องเครื่องหรือขอบสระ ป้องกันสนิม ไฟรั่ว และอุบัติเหตุได้
ทำไมถึงควรวางระบบสระว่ายน้ำโดยช่างผู้เชี่ยวชาญ
การวางระบบสระว่ายน้ำ ควรทำโดยช่างสระว่ายน้ำที่มีความเชี่ยวชาญ และมีชั่วโมงบินสูง เพื่อให้สามารถวางระบบสระว่ายน้ำออกมาได้อย่างเป็นระบบ ทำงานได้มีประสิทธฺภาพ และปลอดภัย ซึ่งหากสนใจทำสระว่ายน้ำ สร้างสระว่ายน้ำ สามารถติดต่อหรือปรึกษากับ siampoolth ได้ การันตีความมืออาชีพจากประสบการณ์กว่า 15 ปี ในการให้บริการสระว่ายน้ำแบบครบวงจร ตั้งแต่ออกแบบ ก่อสร้าง และดูแลสระว่ายน้ำ