top of page

SIAMPOOL THAILAND

BLOG & UPDATE

Hydrotherapy คืออะไร ส่งผลดีกับสุขภาพได้อย่างไร?

  • seo8260
  • 22 ส.ค.
  • ยาว 1 นาที

อัปเดตเมื่อ 29 ส.ค.

Hydrotherapy คืออะไร

ในปัจจุบัน การใช้น้ำเพื่อบำบัดฟื้นฟูร่างกาย กลายเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่กำลังได้รับความนิยม โดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุ ผู้ที่มีอาการเจ็บป่วยเรื้อรัง และนักกีฬาที่ต้องการการฟื้นตัว ซึ่งวารีบำบัด หรือการ Hydrotherapy คือศาสตร์การดูแลสุขภาพ ที่ใช้คุณสมบัติของน้ำในการทำกายภาพบำบัด เพื่อบรรเทาอาการเจ็บปวด และฟื้นฟูการทำงานของร่างกายให้กลับมามีสุขภาพที่ดี


Hydrotherapy คืออะไร?

Hydrotherapy คือ วารีบำบัด ซึ่งหมายถึงการใช้คุณสมบัติของน้ำในการบำบัดรักษาและฟื้นฟูสภาพร่างกายให้ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็น กล้ามเนื้อ ข้อต่อ หรือระบบไหลเวียนโลหิต ทั้งยังช่วยให้จิตใจผ่อนคลายได้อีกด้วย

โดยคุณสมบัติสำคัญของน้ำที่ถูกนำมาใช้ในการทำ Hydrotherapy คือ 

  • แรงพยุง (Buoyancy) : ลดแรงกดบนข้อต่อ ทำให้ผู้ป่วยเคลื่อนไหวได้ง่ายขึ้น

  • แรงต้าน (Resistance) : น้ำสร้างแรงต้านตามธรรมชาติ ช่วยให้กล้ามเนื้อได้ออกแรงอย่างปลอดภัย

  • แรงดันน้ำ (Hydrostatic pressure) : กระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ลดอาการบวมได้ดี

  • อุณหภูมิน้ำ (Thermal effect) : น้ำอุ่นช่วยผ่อนคลายและลดความเจ็บปวดได้ ส่วนน้ำเย็นช่วยลดอักเสบได้


ประโยชน์ของ Hydrotherapy 

วารีบำบัด หรือ Hydrotherapy ได้รับการยอมรับในทางการแพทย์ เนื่องจากมีผลเชิงบวกต่อทั้งร่างกายและจิตใจ โดยประโยชน์หลัก ๆ ที่เห็นได้ชัดของการ Hydrotherapy คือ

1. บรรเทาอาการปวดและการอักเสบ

ข้อดีหลัก ๆ ของ Hydrotherapy คือช่วยบรรเทาอาการปวดและอักเสบได้ เนื่องจากอุณหภูมิน้ำอุ่นในสระวารีบำบัด จะช่วยทำให้หลอดเลือดขยายตัว ส่งผลให้กล้ามเนื้อและข้อต่อที่ตึงมาก ๆ คลายตัวลง ช่วยบรรเทาอาการปวดลงได้ นอกจากนี้ ความร้อนในสระว่ายน้ำยังช่วยกระตุ้นให้ร่างกายหลั่งสาร Endorphins ซึ่งเป็นสารแห่งความสุข ทำให้ผู้ป่วยรู้สึกสบายมากขึ้นขณะทำวารีบำบัดนั่นเอง

2. เสริมสร้างกล้ามเนื้อและความยืดหยุ่น

การทำ Hydrotherapy ยังช่วยเสริมสร้างกำลังกล้ามเนื้อ และความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อได้ เพราะการออกกำลังกายในน้ำ ต้องอาศัยแรงต้านมากกว่าปกติถึง 12 เท่า ทำให้ร่างกายได้ออกแรงเคลื่อนไหวมากกว่าปกติ โดยในขณะเดียวกันแรงพยุงของน้ำในสระว่ายน้ำยังช่วยลดแรงกดบนข้อและกระดูก ทำให้สามารถออกกำลังกายในน้ำได้โดยไม่เสี่ยงต่อการบาดเจ็บจากแรงกระแทก เหมาะสำหรับผู้สูงอายุหรือผู้ที่มีปัญหาข้อเสื่อม

3. ฟื้นฟูร่างกายหลังการบาดเจ็บหรือผ่าตัด

อีกหนึ่งจุดเด่นของ Hydrotherapy คือ ช่วยฟื้นฟูร่างกายหลังอาการบาดเจ็บ โดยมักจะถูกนำมาใช้ในโปรแกรมกายภาพบำบัดหลังการผ่าตัด เช่น ผ่าตัดข้อเข่า ข้อสะโพก เป็นต้น เนื่องจากน้ำช่วยลดแรงกดทับ ทำให้สามารถเคลื่อนไหวข้อต่อหรือกล้ามเนื้อได้ง่ายขึ้น ช่วยลดความเจ็บปวดระหว่างออกกำลังกายได้อย่างดี ส่งผลให้ฟื้นฟูร่างกายได้เร็วขึ้นนั่นเอง

4. ส่งเสริมการไหลเวียนโลหิต

แรงดันน้ำ หรือที่เรียกว่า Hydrostatic Pressure ก็ถูกนำมาใช้ในการ Hydrotherapy ด้วยเช่นกัน เมื่อออกกำลังกายในน้ำ หัวใจจะสูบฉีดเลือดได้ดีมากกว่าปกตินั่นเอง เมื่อเลือดในร่างกายไหลเวียนได้ดี อาการบวมที่แขน ขา หรือข้อต่อก็จะลดลงด้วยเช่นกัน

5. ผ่อนคลายความเครียด

และอีกข้อดีของ Hydrotherapy คือ ช่วยผ่อนคลายความเครียดทางจิตใจ เนื่องจากการออกกำลังกายในน้ำอุ่น จะช่วยให้กล้ามเนื้อที่เคยตึงเครียดคลายตัวลง นอกจากจะทำให้ร่างกายได้พักผ่อนแล้ว ยังส่งผลให้สมองได้รับการพักผ่อนไปด้วย การวารีบำบัด จึงมักถูกนำมาใช้ในการฟื้นฟูทางด้านจิตใจด้วย เช่น ลดความวิตกกังวล ลดภาวะซึมเศร้า หรือลดความเครียดจากการทำงาน เป็นต้น


Hydrotherapy เหมาะกับใคร?

  • ผู้ที่มีอาการปวดกล้ามเนื้อ ข้อ หรือกระดูก

  • ผู้ที่ต้องการฟื้นฟูร่างกายหลังอุบัติเหตุหรือการผ่าตัด

  • ผู้สูงอายุที่มีปัญหาเรื่องข้อเสื่อมหรือข้อยึดติด

  • นักกีฬาที่ต้องการการฟื้นตัวที่รวดเร็วและปลอดภัย

  • ผู้ที่มีความเครียด ความวิตกกังวล และต้องการผ่อนคลายจิตใจ

แม้ Hydrotherapy จะมีประโยชน์อย่างกว้างขวาง แต่ก็ไม่ได้เหมาะสำหรับทุกคน ผู้ที่มีโรคหัวใจขั้นรุนแรง และผู้ที่เป็นความดันโลหิต ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเริ่มทำ Hydrotherapy


ข้อควรรู้ในการสร้างสระว่ายน้ำ Hydrotherapy คืออะไร?

1. ขนาดและความลึกของสระ

ความลึกที่เหมาะสมของสระ Hydrotherapy คือ 1.0 – 1.4 เมตร เพื่อให้ผู้ใช้ Pool Hydrotherapy สามารถยืน เดิน และทำท่าบริหารในน้ำได้อย่างสะดวก ไม่จมลึกเกินไปจนเสียการทรงตัว และไม่ตื้นเกินไปจนไปจำกัดการออกกำลังกาย ส่วนขนาดของสระนั้นขึ้นอยู่กับจำนวนผู้ใช้ โดยต้องออกแบบให้สระวารีบำบัดมีพื้นที่เพียงพอที่จะขยับตัวได้โดยไม่ชนกัน

2. ระบบควบคุมอุณหภูมิ

อุณหภูมิน้ำเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างสระว่ายน้ำ Hydrotherapy โดยควรรักษาอุณหภูมิของน้ำให้อยู่ในช่วง 32–36 องศา ซึ่งเป็นอุณหภูมิที่ช่วยให้กล้ามเนื้อผ่อนคลาย ลดความตึงเครียด และเสริมการไหลเวียนโลหิตได้ 

3. ระบบน้ำและการบำบัดน้ำ

น้ำในสระว่ายน้ำ Hydrotherapy จะต้องการทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ เนื่องจากผู้ใช้งานหลายคนอาจเป็นผู้ป่วย หรือผู้ที่มีร่างกายอ่อนแอ จึงต้องติดตั้งระบบกรองน้ำที่มีประสิทธิภาพ ควบคุมค่า pH ให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน และมีระบบฆ่าเชื้อ เช่น คลอรีน โอโซน หรือแสง UV เพื่อกำจัดเชื้อโรคและแบคทีเรียให้หมดไป 

4. ความปลอดภัยในการใช้งาน

ข้อควรคำนึงสำคัญในการสร้างสระว่ายน้ำ Hydrotherapy คือเรื่องความปลอดภัยในการใช้งาน โดยต้องออกแบบให้มีความปลอดภัยกับผู้ใช้งานมากที่สุด 

  • การเทพื้นสระว่ายน้ำ และขอบสระ ควรใช้วัสดุกันลื่น เพื่อป้องกันการหกล้ม 

  • ติดตั้งราวจับ บันได หรือทางลาดสำหรับผู้ใช้รถเข็น เพื่อให้ผู้ที่มีข้อจำกัดในการเคลื่อนไหวลงสระได้อย่างสะดวก 

  • ระบบไฟฟ้ารอบสระต้องได้มาตรฐานความปลอดภัยของสระว่ายน้ำ 

  • ควรมีอุปกรณ์ช่วยชีวิต เช่น ห่วงชูชีพ ไม้ตะขอ หรือปุ่มฉุกเฉิน เผื่อกรณีเกิดเหตุไม่คาดคิด

5. อุปกรณ์เสริมเพื่อการบำบัด

เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำ Hydrotherapy ควรติดตั้งอุปกรณ์ธาราบำบัดเพิ่มเติม เช่น Hydro Jets หรือ Water Jets ช่วยนวดกล้ามเนื้อ และกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด, Air Bubble ช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อ ลดความตึงเครียดทางร่างกาย และอย่าลืมติดตั้งไฟสระว่ายน้ำ ที่มีความสว่างชัดเจน เพื่อให้สามารถใช้งานในเวลากลางคืนได้อย่างปลอดภัย


อีกข้อควรรู้ในการสร้างสระว่ายน้ำ Hydrotherapy คือ การติดตั้งจุดอำนวยความสะดวกให้พร้อมสำหรับการใช้งาน เช่น วางห้องน้ำและห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าให้อยู่ใกล้สระว่ายน้ำ หรือออกแบบให้พื้นที่รอบมีความกว้างมากพอสำหรับการใช้รถเข็น และที่สำคัญ ควรมีเจ้าหน้าที่หรือผู้เชี่ยวชาญด้านกายภาพบำบัดประจำสระ เพื่อให้คำแนะนำ ดูแลความปลอดภัย และช่วยเหลือผู้ใช้งานเมื่อจำเป็น


รีวิวสระว่ายน้ำ Hydrotherapy

รีวิวเคสจริงของเราในการสร้างสระว่ายน้ำ Hydrotherapy จากคลีนิกให้บริการกายภาพบำบัด


 
 
bottom of page