เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ สระว่ายน้ำมาตรฐาน สระว่ายน้ำแข่งขัน
- Siampool Thailand
- 5 ก.ย.
- ยาว 2 นาที

จุดประสงค์ของการสร้างสระว่ายน้ำ นอกจากจะใช้เพื่อการพักผ่อนและออกกำลังกายแล้ว ยังใช้เพื่อการแข่งขันอีกด้วย ซึ่งสระว่ายน้ำที่ใช้สำหรับการแข่งขันนั้น เรียกว่า สระว่ายน้ำมาตรฐาน หรือ สระว่ายน้ำแข่ง ซึ่งเป็นสระที่ถูกสร้างตามข้อกำหนดขององค์กรกีฬาระดับสากล โดยจะมีหลักการสร้าง ขนาด รูปแบบ อุปกรณ์ รวมถึงการดูแลรักษาที่แตกต่างจากสระทั่วไป
สระว่ายน้ำมาตรฐาน คืออะไร?
สระว่ายน้ำมาตรฐาน คือ สระที่มีขนาด รูปแบบ และอุปกรณ์ต่าง ๆ ตรงตามข้อกำหนดของสหพันธ์ว่ายน้ำนานาชาติ (FINA) เพื่อใช้จัดการแข่งขันกีฬาทั้งในระดับประเทศและนานาชาติโดยทั่วไปสระว่ายน้ำมาตรฐาน จะมีลักษณะดังนี้
สระว่ายน้ำแข่งขัน แบบมาตรฐานโอลิมปิก (Olympic Pool)
ความยาว 50 เมตร
ความกว้าง 25 เมตร
จำนวน 8–10 ลู่
ความลึกไม่น้อยกว่า 2 เมตร
สระว่ายน้ำมาตรฐาน สำหรับการแข่งขันระยะสั้น (Short Course Pool)
ความยาว 25 เมตร
ความกว้าง 20–25 เมตร
จำนวน 6–10 ลู่
ความลึกไม่น้อยกว่า 1.35 เมตร
การกำหนดมาตรฐานของสระว่ายน้ำ จะช่วยรับประกันความยุติธรรมในการแข่งขัน และทำให้สามารถบันทึกสถิติได้อย่างถูกต้อง
หลักการสร้างสระว่ายน้ำมาตรฐาน
1. โครงสร้างและขนาดสระว่ายน้ำมาตรฐาน
ขนาดสระว่ายน้ำมาตรฐาน ต้องเป็นไปตามข้อกำหนดของสหพันธ์ว่ายน้ำนานาชาติ (FINA)
ความยาวและความกว้าง : ตรงตามเกณฑ์ เช่น สระโอลิมปิกมีความยาว 50 เมตร ความกว้าง 25 เมตร และมีอย่างน้อย 8 ลู่ขึ้นไป
ความลึก : อย่างน้อย 2 เมตร เพื่อป้องกันการกระแทกและช่วยลดแรงคลื่นสะท้อน
ผนังสระ : แนวตั้งฉากกับพื้นและขนานกันตลอดแนว
2. ระบบน้ำของสระแข่งว่ายน้ำ
คุณภาพของน้ำ คือ หัวใจสำคัญในการสร้างสระว่ายน้ำมาตรฐาน เพราะส่งผลต่อสุขภาพของนักกีฬา โดยระบบน้ำของสระว่ายน้ำแข่งขัน ควรมีลักษณะดังนี้
ระบบหมุนเวียนและกรองน้ำ : น้ำต้องหมุนเวียนผ่านระบบกรองอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันการสะสมของสิ่งสกปรกและเชื้อโรค
คุณภาพน้ำตามมาตรฐาน : ค่า pH ควรอยู่ระหว่าง 7.2–7.8 และคลอรีนอยู่ในระดับ 1–3 ppm เพื่อให้ปลอดภัยต่อร่างกายและดวงตาของนักกีฬา
3. พื้นและผนังสระของสระว่ายน้ำมาตรฐาน
พื้นสระว่ายน้ำมาตรฐาน : การเทพื้นสระว่ายน้ำมาตรฐาน ต้องเป็นไปตามแบบวิศวกรรม และต้องปูด้วยวัสดุกันลื่น เพื่อป้องกันอุบัติเหตุ ทั้งยังควรมีเส้นแบ่งลู่ (Lane Mark) สีเข้มชัดเจน เพื่อให้นักกีฬามองเห็นทิศทางการว่ายน้ำ
ผนังสระ : ต้องมีความแข็งแรง ผิวเรียบ และตั้งฉากกับพื้น รวมถึงมีราวจับ (Hand Grip) หรือพื้นที่รองรับนักกีฬาขณะพักหรือเตรียมออกตัว
จุดกลับตัว : ต้องทำให้เรียบเสมอและมั่นคง เพื่อให้การกลับตัวเป็นไปอย่างราบรื่นและปลอดภัย
4. สิ่งแวดล้อมโดยรอบ
พื้นที่พักนักกีฬา : ควรมีเก้าอี้หรือพื้นที่สำหรับนั่งพัก เตรียมความพร้อมก่อนและหลังการแข่งขัน
ระบบแสงสว่าง : ต้องเพียงพอสำหรับการฝึกซ้อมในเวลากลางคืน และการถ่ายทอดสดการแข่งขัน โดยแสงต้องสม่ำเสมอ ไม่สะท้อนเข้าตานักกีฬา
พื้นที่ผู้ชม : มีอัฒจันทร์หรือที่นั่งผู้ชมพร้อมระบบเสียงที่ได้มาตรฐาน
มาตรการความปลอดภัยของสระว่ายน้ำมาตรฐาน : เช่น บันไดขึ้น-ลง, อุปกรณ์กู้ชีพ และเจ้าหน้าที่ดูแล
อุปกรณ์ของสระว่ายน้ำมาตรฐาน
นอกจากตัวสระว่ายน้ำมาตรฐานที่ต้องมีการสร้างตามข้อกำหนดแล้ว ยังต้องติดตั้งอุปกรณ์เสริมตามข้อกำหนดด้วยเช่นกัน เพื่อให้กันแข่งขันว่ายน้ำ เป็นไปอย่างยุติธรรมมากที่สุด
แท่นออกตัว (Starting Block) : สำหรับให้นักกีฬากระโดดออกตัวในการแข่งขัน
เส้นแบ่งลู่ (Lane Rope) : ช่วยป้องกันคลื่นน้ำไปรบกวนผู้ว่ายในลู่ข้างเคียง
นาฬิกาจับเวลา (Timing System) : ใช้วัดผลการแข่งขันอย่างแม่นยำ
บอร์ดสัมผัส (Touch Pad) : ติดที่ปลายสระเพื่อบันทึกเวลาการแตะของนักกีฬา
ป้ายบอกระยะและสัญญาณไฟ : เพื่อให้นักกีฬาทราบการเริ่มต้นและสิ้นสุดการแข่งขัน
เปรียบเทียบ สระมาตรฐาน vs สระว่ายน้ำทั่วไป
สระว่ายน้ำมาตรฐาน | สระว่ายน้ำทั่วไป | |
ขนาด | 25 หรือ 50 เมตร ตามข้อกำหนด | ตามความต้องการผู้ใช้ และความเหมาะสมของพื้นที่ |
ความลึก | อย่างน้อย 1.35–2 เมตร | มีหลายระดับ |
อุปกรณ์ | ต้องมีครบ เช่น แท่นออกตัว เส้นแบ่งลู่ ระบบจับเวลา | มักไม่มี |
วัตถุประสงค์ | ใช้แข่งขันและฝึกซ้อมกีฬา | ใช้พักผ่อนหรือออกกำลังกาย |
มาตรฐานคุณภาพน้ำ | ต้องรักษาเข้มงวดเพื่อความปลอดภัย | มักยืดหยุ่นตามการใช้งาน |
ประโยชน์ของสระว่ายน้ำมาตรฐาน
สระว่ายน้ำมาตรฐาน ไม่เพียงแต่ทำให้นักกีฬามีสถานที่แข่งขันและฝึกซ้อมที่มีความปลอดภัย และได้มาตรฐานสากลเท่านั้น ยังสามารถจัดการแข่งขันในระดับต่าง ๆ ได้ นอกจากนี้ ยังสร้างแรงจูงใจให้เยาวชนหันมาสนใจกีฬาว่ายน้ำมากขึ้นได้อีกด้วย
การดูแลสระว่ายน้ำมาตรฐาน
1. การตรวจสอบคุณภาพน้ำอย่างสม่ำเสมอ
ค่า pH ของสระว่ายน้ำมาตรฐาน ควรอยู่ระหว่าง 7.0 -7.4 หากต่ำเกินไปจะทำให้น้ำเป็นกรด กัดกร่อนอุปกรณ์ และระคายเคืองผิวหนัง หากสูงเกินไปจะทำให้การฆ่าเชื้อด้วยคลอรีนไม่มีประสิทธิภาพ ส่วนระดับคลอรีนในสระว่ายน้ำแข่งขัน ควรรักษาให้อยู่ที่ 1–3 ppm เพื่อควบคุมเชื้อโรคและแบคทีเรีย
2. การทำความสะอาดสระ
ควรทำความสะอาดพื้นและผนังสระว่ายน้ำมาตรฐานเป็นประจำ เพื่อป้องกันการเกิดคราบตะไคร่น้ำและสิ่งตกค้าง ซึ่งจะทำให้สระแข่งว่ายน้ำสกปรกจนไม่น่าใช้งาน นอกจากนี้ ยังควรตรวจสอบสภาพอุปกรณ์ต่าง ๆ อย่างสม่ำเสมอ เช่น เส้นแบ่งลู่ บันได หรือราวจับ เพื่อให้นักกีฬาสามารถว่ายน้ำได้อย่างเต็มที่นั่นเอง
3. การบำรุงรักษาระบบสระว่ายน้ำ
เพราะระบบสระว่ายน้ำมาตรฐาน เป็นหัวใจสำคัญในการรักษาคุณภาพน้ำ จึงควรมีการตรวจสอบระบบกรองสระว่ายน้ำอย่างสม่ำเสมอ ไม่ว่าจะเป็น การตรวจสอบการทำงานของปั๊มน้ำ, การเปลี่ยนไส้กรองตามระยะเวลาที่เหมาะสม และตรวจสอบการรั่วซึมของท่อน้ำ ที่ส่งผลกับการหมุนเวียนของน้ำโดยตรง เพื่อให้ได้น้ำที่ใสสะอาดและน่าใช้งานอยู่เสมอ
4. การตรวจสอบอุปกรณ์แข่งขัน
อุปกรณ์การแข่งขันในสระว่ายน้ำมาตรฐานต้องอยู่ในสภาพพร้อมใช้งานทุกครั้ง เพื่อไม่ให้กระทบต่อการแข่งขัน ไม่ว่าจะเป็น
แท่นออกตัว : แข็งแรง มั่นคง ไม่โยกคลอน และพื้นผิวไม่ลื่น
เส้นแบ่งลู่ : ขึงตึง ไม่ขาด
ระบบจับเวลา : มีการทดสอบก่อนใช้งานจริง ป้องกันความผิดพลาดในการบันทึกสถิติ
5. การจัดการความปลอดภัย
เจ้าหน้าที่กู้ชีพ (Lifeguard) : ต้องประจำการตลอดเวลาที่มีการใช้งานสระว่ายน้ำมาตรฐาน
มีอุปกรณ์ปฐมพยาบาลครบครัน : พร้อมใช้งาน และอยู่ในตำแหน่งเข้าถึงง่าย เช่น ชุดปฐมพยาบาล เครื่องช็อกไฟฟ้าหัวใจ (AED) ห่วงยาง และไม้ตะขอช่วยชีวิต
กฎระเบียบการใช้งานสระว่ายน้ำแข่งขัน : ควรติดตั้งอย่างชัดเจน เพื่อให้ผู้ใช้ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด
สระว่ายน้ำมาตรฐาน เป็นสระว่ายน้ำที่ออกแบบมาเพื่อรองรับการแข่งขันกีฬา จึงต้องสร้างตามข้อกำหนดอย่างเคร่งครัด เพื่อให้นักกีฬาสามารถแข่งขันได้อย่างปลอดภัย และได้รับความยุติธรรมในการแข่งขันมากที่สุด การสร้างสระว่ายน้ำมาตรฐาน จึงจำเป็นต้องเลือกบริษัทรับสร้างสระว่ายน้ำ ราคาเหมาะสม และมีความเชี่ยวชาญ เพื่อให้ได้สระว่ายน้ำแข่งขันที่มีคุณภาพและเกิดประโยชน์สูงสุด