หินซาวน่า คืออะไร มีประโยชน์กับร่างกายยังไง?
- Siampool Thailand
- 2 วันที่ผ่านมา
- ยาว 2 นาที

หัวใจของระบบทำความร้อนในห้องซาวน่าก็คือ หินซาวน่า (Sauna Stones) เพราะส่งผลโดยตรงต่อคุณภาพของความร้อนและอุณหภูมิภายในห้องซาวน่า ทั้งยังส่งผลกับสุขภาพของผู้ใช้อีกด้วย เรียกได้ว่าผู้ใช้จะได้รับประสบการณ์ที่ดีในการใช้ซาวน่าหรือไม่ ขึ้นอยู่กับการเลือกใช้หินซาวน่าเลยทีเดียว ซึ่งจะมีหลายแบบหลายประเภทให้เลือก และในบทความนี้ เราจะมาทำความรู้จักทั้งประเภท คุณสมบัติ และประโยชน์ของหินซาวน่ากัน
หินซาวน่า คืออะไร?
หินซาวน่า คือหินภูเขาไฟที่มีคุณสมบัติทนความร้อนสูง ทนต่อการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิได้ มีความแข็งแรง ทนทาน และไม่แตกหักง่าย โดยหินเหล่านี้จะถูกวางบนฮีตเตอร์หรือเตาซาวน่า เพื่อเก็บและกระจายความร้อนให้ห้องซาวน่ามีอุณหภูมิสูงสม่ำเสมอ
หินซาวน่า ไม่ใช่หินธรรมดาที่เก็บจากที่ไหนก็ได้มาวางบนเตา เพราะหินทั่วไปอาจมีความชื้นภายใน ทำให้เกิดการแตกหักหรือระเบิดได้ เมื่อโดนความร้อนสูง ซึ่งเสี่ยงอันตรายมาก จึงต้องใช้หินภูเขาไฟที่คัดมาเฉพาะเท่านั้น
ประเภทของหินซาวน่า
1. Peridotite (เพอริโดไทต์)
หินเพอริโดไทต์ เป็นหินซาวน่าที่ได้รับความนิยมมาก เพราะเป็นหินที่ชาวฟินแลนด์ (ต้นแบบของซาวน่า) ใช้กัน ถือเป็นหินอัคนีที่มีปริมาณแร่โอลิวีนสูงมาก มีโครงสร้างผลึกแข็งแรง ยืดหยุ่นต่ออุณหภูมิสูงได้ดี และมีเนื้อแน่น ทำให้กระจายความร้อนได้สม่ำเสมอ จุดเด่นของหินประเภทนี้ ก็คือความสามารถในการทนความร้อน โดยสามารถทนความร้อนได้สูงถึง 600–900°C เลยทีเดียว ไม่แตกระเบิดง่าย ให้ไอร้อนที่นุ่มนวล ไม่แผดผิว
2. Olivine Rock (หินโอลิวีน)
หินโอลิวีน ถือเป็นหินซาวน่าอันดับต้น ๆ ที่ได้รับการยอมรับว่า “เป็นหินที่ดีที่สุดสำหรับซาวน่า” เพราะอุดมด้วยแร่โอลิวีน มีความแข็งมากและมีความถ่วงจำเพาะสูง สามารถเก็บความร้อนได้ดีที่สุดในบรรดาหินซาวน่าทุกประเภท ทั้งยังคายความร้อนสม่ำเสมอ ไม่เกิดจุดร้อน คงอุณหภูมิได้นาน ทำให้เตาทำงานน้อยลง (ช่วยประหยัดไฟได้) นอกจากนี้ ตัวโครงสร้างยังมีความเสถียรสูง ทนต่อการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิได้ดี มีอายุการใช้งานยาวนาน
3. Vulcanite หรือ Basalt (หินบะซอลต์)
หินบะซอลต์ เป็นหินซาวน่าที่พบเห็นได้บ่อย ๆ ในร้านซาวน่า ฟิตเนส หรือตามสปาทั่วไป เพราะเป็นหินซาวน่า ราคาประหยัด โดยจะมีลักษณะเด่นคือ มีเนื้อแน่น มักมีสีดำหรือเทาเข้ม มีฟองอากาศเล็ก ๆ กระจายอยู่ทั่วหิน ทำให้ทนการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิได้ดี ทั้งยังมีความแข็งแรง ไม่แตกง่าย แม้ใช้งานหนัก แต่จะเย็นตัวเร็วกว่าหินซาวน่าประเภทอื่น ๆ จึงเป็นหินซาวน่า ราคาเข้าถึงง่ายที่สุด เหมาะกับการใช้งานทั่วไป
หินซาวน่า ใช้ทำอะไร?
หินซาวน่า จะใช้กักเก็บความร้อนและสร้างไอร้อนในห้องซาวน่า โดยจะนำหินไปวางบนเตาทำความร้อนหรือฮีตเตอร์ไฟฟ้า เพื่อให้หินร้อนขึ้น (200–350°C) หลังจากได้อุณหภูมิที่เหมาะสมแล้วก็จะนำไปไว้ในห้องซาวน่า เมื่อมีคนมาใช้งาน ก็จะเทน้ำลงไปบนหิน เพื่อให้เกิดปฏิกริยาที่เรียกว่า “ลอยลู (Löyly)” หรือเกิดไอน้ำร้อน ที่ช่วยเพิ่มความชื้นและความร้อนในห้องได้
ประโยชน์ของหินซาวน่าต่อร่างกาย
1. ขับเหงื่อ กำจัดของเสียในร่างกาย
ความร้อนจากหินซาวน่า จะช่วยขับเหงื่อออกจากร่างกายได้ ทั้งช่วยกำจัดของเสีย เช่น สารพิษที่สะสม หรือของเสียจากกระบวนการเผาผลาญ ออกจากร่างกายได้ ช่วยดีท็อกซ์ผิวและระบบไหลเวียนเลือดได้ดี
2. ช่วยลดความเครียดและฟื้นฟูระบบประสาท
ความร้อนจากหินซาวน่า ยังช่วยให้ร่างกายหลั่งสารเอ็นดอร์ฟิน และสารเซโรโทนิน ซึ่งช่วยลดความเครียด ทำให้นอนหลับง่ายขึ้น และช่วยลดอาการตึงของระบบประสาทได้อย่างดี เหมาะกับผู้ที่มีความเครียดสะสม อยู่ในภาวะวิตกกังวล หรือนอนหลับยาก
3. เพิ่มการไหลเวียนของเลือด
ไอร้อนที่มาจากหินซาวน่า จะช่วยให้หลอดเลือดขยาย ทำให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น และส่งออกซิเจนไปเลี้ยงเซลล์ต่าง ๆ ในร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะช่วยบรรเทาได้ทั้งอาการปวดเมื่อย โรคออฟฟิศซินโดรม และอาการปวดหลังจากการออกกำลังกาย
4. บรรเทาอาการปวดกล้ามเนื้อและข้อต่อ
ไอน้ำร้อน ๆ จากหินซาวน่า ยังช่วยให้ระบบกล้ามเนื้อผ่อนคลาย ลดการอักเสบของข้อต่อ เหมาะสำหรับนักกีฬา ผู้ที่ออกกำลังกายหนัก รวมถึงพนักงานประจำที่มีอาการปวดหลัง ปวดตามคอบ่าไล่ หรือกล้ามเนื้อตึงเรื้อรัง
5. ช่วยให้ผิวกระชับขึ้น
อีกหนึ่งประโยชน์ของหินซาวน่าก็คือช่วยดูแลผิวได้ เพราะไอน้ำที่ได้จากหินซาวน่า จะช่วยทำให้รูขุมขนเปิดออก ล้างสิ่งสกปรกที่อุดตัน ส่งผลให้ผิวพรรณเนียนใส กระจ่างมากขึ้น ทั้งยังลดสิวอุดตันได้อีกด้วย
วิธีเลือกหินซาวน่า ควรพิจารณาอะไรบ้าง?
หากกำลังมองหาบริษัทรับสร้างห้องห้องซาวน่า เพื่อสร้างห้องซาวน่าไว้ที่บ้าน หรือมีแพลนจะทำห้องสปาอยู่ สิ่งที่ควรพิจารณาในการเลือกหินซาวน่า ก็คือ
ความทนทานต่ออุณหภูมิ : หินซาวน่าจะต้องทนความร้อนสูง 300–400°C ได้ เพื่อไม่ให้เกิดการระเบิดหรือแตกตัวเมื่อโดนความร้อนต่อเนื่อง
ไม่แตกง่าย : เวลาราดน้ำลงบนหิน หินต้องสามารถทนต่อการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิแบบกะทันหันได้
มีขนาดและรูปทรงเหมาะสม : หินซาวน่า ควรมีทั้งชิ้นเล็กและชิ้นใหญ่เพื่อให้วางซ้อนกันได้ และมี “ช่องอากาศ” เพียงพอ ให้ความร้อนหมุนเวียนได้ ลดภาระทำงานของฮีตเตอร์
ไม่มีสารเคมีปนเปื้อน : ควรเลือกหินภูเขาไฟจากแหล่งผลิตที่เชื่อถือได้ และหลีกเลี่ยงหินที่ไม่ผ่านการคัดกรอง หรือเก็บมาจากธรรมชาติไม่ทราบแหล่ง
น้ำหนักดี มีความแข็ง : หินซาวน่าที่มีความหนาแน่นและแข็ง จะสามารถกักเก็บความร้อนได้ดี และค่อย ๆ คายความร้อนออกมาอย่างสม่ำเสมอ ทำให้ไอน้ำกระจายทั่วห้องซาวน่าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ข้อควรระวังในการใช้หินซาวน่า
เปลี่ยนหินใหม่เมื่อแตกหรือผุ : หินที่แตกร้าวจะเก็บความร้อนwfhไม่ดี ทำให้เตาซาวน่าทำงานหนักและเสี่ยงเสียเร็ว จึงควรเปลี่ยนทุก 12–18 เดือน
อย่าใช้หินจากธรรมชาติทั่วไป : หินทั่วไปอาจมีความชื้นและแตกระเบิดได้ง่าย จึงต้องใช้หินภูเขาไฟที่สามารถใช้ในห้องซาวน่าได้เท่านั้น
หลีกเลี่ยงการเทน้ำเย็นจัดลงบนหินร้อน : เพราะอุณหภูมิที่เปลี่ยนเร็วอาจทำให้หินแตกได้ จึงควรใช้น้ำอุณหภูมิห้องแทนน้ำเย็นจัด
ไม่ควรใช้หินที่เปียกชื้น : ความชื้นในหินจะทำให้เกิดแรงดันไอน้ำจนหินแตกได้ หากจะนำมาใช้ในห้องซาวน่า อย่าลืมตากหินให้แห้งก่อนใช้งาน
ควรจัดวางหินซาวน่าให้มีช่องอากาศไหลผ่านได้ : เพื่อให้อากาศไหลเวียนดี มีความร้อนสม่ำเสมอ และลดภาระของฮีตเตอร์ซาวน่า
หินซาวน่า ราคาเท่าไหร่?
หินซาวน่า ราคาจะขึ้นอยู่กับประเภทและคุณภาพของหิน รวมถึงยี่ห้อและแหล่งนำเข้าด้วย โดยทั่วไปจะขายแบบเหมา เช่น เหมา 20 กิโลกรัม หรือ 30 กิโลกรัม เป็นต้น ซึ่งจะมีราคาเริ่มที่หลักพันต้น ๆ ไปจนถึงหลักหมื่นบาท โดยยี่ห้อยอดนิยม ก็จะมี Harvia Olivine Diabase, Uniprodo Sauna Stones, Round Olivine เป็นต้น สามารถหาซื้อได้ตามช่องทางออนไลน์ทั่วไป
หินซาวน่า ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลโดยตรงต่อคุณภาพความร้อน และความปลอดภัยในการอบซาวน่า หินที่มีคุณภาพดีจะช่วยกระจายความร้อนได้สม่ำเสมอ ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต ผ่อนคลายกล้ามเนื้อ และดีท็อกซ์ผิวได้อย่างดี การเลือกหินซาวน่า จึงถือเป็นเรื่องสำคัญที่เจ้าของห้องซาวน่าควรทำควบคู่ไปกับการสร้างห้องซาวน่าให้ได้มาตรฐาน ซึ่งต้องเลือกบริษัทหรือผู้รับเหมาที่มีความน่าเชื่อถือและมีประสบการณ์ เช่น บริการรับทำห้องซาวน่าและรับสร้างสระว่ายน้ำ เชียงใหม่ เป็นต้น