ซาวน่า คืออะไร มีกี่ประเภท ก่อนสร้างต้องรู้อะไรบ้าง?
- Siampool Thailand
- 17 ต.ค.
- ยาว 2 นาที
อัปเดตเมื่อ 3 วันที่ผ่านมา

ในยุคที่ผู้คนให้ความสำคัญกับสุขภาพกายและใจ “ซาวน่า (Sauna)” กลายเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมยอดนิยมที่หลายคนเลือกใช้เพื่อผ่อนคลายความเครียด ขับของเสียออกจากร่างกาย และฟื้นฟูระบบไหลเวียนเลือดให้ดีขึ้น หลาย ๆ คนจึงเริ่มสนใจสร้างห้องซาวน่าไว้ใช้เอง เพราะปัจจุบัน การสร้างระบบซาวน่าไว้ในบ้านไม่ใช่เรื่องยากแต่อย่างใด แถมยังมอบความสะดวกสบาย ให้ความเป็นส่วนตัว และใช้งานได้ตลอดเวลา แต่ก่อนจะสร้างก็มีเรื่องที่ต้องศึกษาเช่นเดียวกัน ซาวน่า คืออะไร? มีกี่ประเภท ก่อนสร้างต้องรู้อะไรบ้าง บทความนี้ Siampool ผู้ให้บริการสระว่ายน้ำครบวงจรและรับสร้างห้องซาวน่า มีคำตอบ
ซาวน่า คืออะไร?
ซาวน่า คือ การอบตัวด้วยความร้อนในห้องที่ควบคุมอุณหภูมิไว้ประมาณ 70–100 องศาเซลเซียส โดยใช้เวลาอบประมาณ 10–15 นาที เพื่อให้ร่างกายขับเหงื่อและสารพิษออกทางผิวหนัง โดยคำว่า Sauna มีรากมาจากภาษาฟินแลนด์ หมายถึง การอาบไอร้อน นั่นเอง หลักการของซาวน่า คือ การใช้ “ความร้อน” ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ทำให้หลอดเลือดขยายตัว ร่างกายขับเหงื่อมากขึ้น ส่งผลให้กล้ามเนื้อผ่อนคลาย และช่วยลดอาการปวดเมื่อยได้ดี
ซาวน่า ช่วยอะไรได้บ้าง?
หากถามว่าซาวน่า ช่วยอะไรได้บ้าง ต้องบอกเลยว่าประโยชน์ของซาวน่านั้นมีหลายอย่าง นอกจากจะส่งผลดีกับร่างกายแล้ว ยังส่งผลดีต่อจิตใจช่วยผ่อนคลายความเครียดได้อีกด้วย
กระตุ้นการไหลเวียนโลหิตและการทำงานของหัวใจ
ขับของเสียและสารพิษทางเหงื่อ
ช่วยลดความเครียดและทำให้หลับง่ายขึ้น
บรรเทาอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ
ช่วยให้ผิวพรรณดูเปล่งปลั่งขึ้นจากการขับเหงื่อ
อุณหภูมิช่วยลดความเครียดทางสมองและจิตใจได้
อย่างไรก็ตาม ควรใช้อย่างเหมาะสม เพราะการอยู่ในซาวน่านานเกินไปอาจทำให้ร่างกายขาดน้ำหรือหน้ามืดได้
ระบบซาวน่า มีกี่ประเภท
1. ฟินแลนด์ซาวน่า (Traditional Sauna)
ฟินแลนด์ซาวน่า คือ ซาวน่าแบบแห้ง (Dry Sauna) เป็นซาวน่าดั้งเดิมของประเทศฟินแลนด์ ที่ใช้เตาหินเป็นแหล่งความร้อน โดยจะคุมอุณหภูมิให้อยู่ที่ 80–100°C ส่วนความชื้นจะอยู่ที่ 10–20% ซึ่งถือว่าต่ำมาก ห้องซาวน่ามักทำจากไม้ซีดาร์หรือไม้สน ช่วยเก็บความร้อนและมีกลิ่นหอมธรรมชาติได้ ได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศฟินแลนด์
2. ซาวน่าแบบไอน้ำ (Steam Sauna)
ไอน้ำซาวน่า คือ ซาวน่าที่ใช้ไอน้ำร้อนที่มีความชื้นสูงในการอบอุ่นร่างกาย โดยจะมีอุณหภูมิอยู่ระหว่าง 40–50°C ทำให้หายใจได้สบาย ตัวห้องซาวน่ามักทำจากกระเบื้องเพื่อให้ทนต่อความชื้น เหมาะกับผู้ที่ไม่ชอบความร้อนจัด จุดเด่นของซาวน่าประเภทนี้ คือช่วยเปิดรูขุมขนและทำให้ผิวชุ่มชื้นได้ เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาทางเดินหายใจ เช่น ภูมิแพ้ หรือไซนัส
3. อินฟราเรดซาวน่า (Infrared Sauna)
อินฟราเรดซาวน่า คือ ซาวน่าสมัยใหม่ที่ใช้รังสีอินฟราเรดจากหลอดไฟหรือแผงรังสี ช่วยให้ความร้อนแทรกเข้าสู่ร่างกายโดยตรง ไม่จำเป็นต้องอบห้องให้ร้อนมาก โดยจะมีอุณหภูมิอยู่ที่ 45–60°C เหมาะสำหรับผู้สูงอายุหรือผู้ที่ไม่ทนความร้อน ใช้พลังงานน้อยและติดตั้งง่าย
4. สมุนไพรซาวน่า (Herbal Sauna)
สมุนไพรซาวน่า คือ การผสมผสานระหว่างไอน้ำร้อนกับสมุนไพรไทย เช่น ตะไคร้ ขิง ขมิ้น ใบมะกรูด หรือยูคาลิปตัส กลายเป็น “อบสมุนไพร” ที่ให้ทั้งความร้อนและกลิ่นหอมจากธรรมชาติ ช่วยเปิดรูขุมขน ขับเหงื่อ บรรเทาอาการหวัด และผ่อนคลายระบบทางเดินหายใจ เหมาะกับบ้านพักตากอากาศ รีสอร์ต หรือสปาไทยเป็นอย่างยิ่ง
5. Outdoor Sauna หรือ Barrel Sauna
Outdoor Sauna หรือ Barrel Sauna คือซาวน่ากลางแจ้งที่พบเห็นได้บ่อยในรีสอร์ตต่าง ๆ ตัวห้องมักทำจากไม้รูปทรงกระบอก (Barrel) หรือทรงกล่อง มีดีไซน์สวยงาม เข้ากับธรรมชาติ ระบายอากาศได้ดี และให้ความรู้สึกเหมือนซาวน่าฟินแลนด์แท้ ๆ
เรื่องน่ารู้ ก่อนสร้างซาวน่า
1. เลือกประเภทซาวน่าให้เหมาะกับพื้นที่
หากมีพื้นที่จำกัด การสร้างอินฟราเรดซาวน่า หรือซาวน่าขนาดเล็ก จะเหมาะสมที่สุด เนื่องจากใช้พื้นที่น้อย ติดตั้งง่าย และไม่ต้องใช้ระบบท่อระบายอากาศซับซ้อน แต่ถ้ามีพื้นที่กว้าง หรือพอจะมีพื้นที่กลางแจ้งอยู่บ้าง การสร้างซาวน่าแบบฟินแลนด์ หรือ Barrel Sauna จะได้บรรยากาศที่ผ่อนคลายกว่า โดยก่อนสร้างห้องซาวน่า อย่าลืมวัดขนาดพื้นที่ให้ชัดเจนและเผื่อระยะสำหรับทางเข้า–ออก การระบายอากาศ และจุดวางอุปกรณ์ควบคุมอุณหภูมิด้วย
2. วัสดุที่ใช้ในการสร้าง
ซาวน่าไม้ : นิยมใช้ไม้สน (Pine), ไม้ซีดาร์ (Cedar) หรือ ไม้ฮีมล็อก (Hemlock) จุดเด่นคือทนความร้อนสูง ไม่คายยางไม้ มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ และช่วยดูดซับความชื้นได้ดี
ซาวน่าไอน้ำ : เนื่องจากมีความชื้นสูง ควรใช้วัสดุกันชื้นและทนน้ำ เช่น กระเบื้อง แกรนิต หรืออะคริลิก เพื่อป้องกันเชื้อราและยืดอายุการใช้งาน
พื้นห้องซาวน่า : ควรมีท่อระบายน้ำ เพื่อป้องกันน้ำขัง และเลือกวัสดุปูพื้นกันลื่น เช่น พื้นไม้เทียม หรือกระเบื้องผิวด้าน เพื่อความปลอดภัยขณะใช้งาน
3. ระบบไฟฟ้าและความปลอดภัย
อีกหนึ่งข้อควรรู้ก่อนสร้างห้องซาวน่า คือ เรื่องระบบไฟฟ้าและความปลอดภัย เพราะซาวน่าเกี่ยวข้องกับ “ไฟฟ้าและความร้อน” จึงควรให้ช่างที่มีประสบการณ์มาติดตั้งระบบต่าง ๆ อย่างถูกต้อง ไม่ว่าจะเป็น ระบบสายดินเพื่อป้องกันไฟรั่ว ระบบควบคุมอุณหภูมิอัตโนมัติ และระบบตั้งเวลาการใช้งาน (Timer) โดยควรใช้สายไฟและอุปกรณ์ที่ทนต่ออุณหภูมิสูง เพื่อป้องกันอุบัติเหตุ และให้เกิดความปลอดภัยในระหว่างการใช้งานด้วย
4. ระบบระบายอากาศ
ระบบซาวน่าที่ดีต้องมี “อากาศหมุนเวียน” อย่างเหมาะสม เพื่อให้ร่างกายรับอากาศบริสุทธิ์ และลดความอับชื้นภายในห้อง โดยควรมีช่องระบายอากาศเข้า–ออกอย่างน้อย 2 จุด และติดตั้งช่องลมใกล้เตาความร้อน เพื่อให้อากาศภายในห้องไหลเวียนได้ดี นอกจากนี้ หลังใช้งาน ควรเปิดประตูหรือพัดลมช่วยระบายความร้อนออกจากห้องด้วย นอกจากจะช่วยยืดอายุห้องได้แล้ว ยังช่วยลดกลิ่นอับและป้องกันเชื้อราได้อีกด้วย
5. การบำรุงรักษา
หลังใช้งานทุกครั้ง ควรเปิดประตูและช่องระบายอากาศให้ห้องแห้งสนิท
เช็ดพื้นและผนังด้วยผ้าแห้ง หรือน้ำยาทำความสะอาดสูตรอ่อน
หากเป็นห้องซาวน่าไม้ ควรทาน้ำยากันเชื้อราและกันแมลงปีละ 1–2 ครั้ง
หากเป็นห้องซาวน่าไอน้ำ ควรทำความสะอาดตะกรันหรือคราบน้ำจากหัวปล่อยไอน้ำเป็นประจำ
หลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีแรง ๆ หรือผงขัด เพราะอาจทำลายพื้นผิวไม้และวัสดุป้องกันความร้อนได้
6. งบประมาณโดยประมาณ
ราคาการสร้างระบบซาวน่านั้นพอ ๆ กับราคาสร้างสระว่ายน้ำ โดยจะขึ้นอยู่กับขนาดและวัสดุ เช่น
ซาวน่าไม้ขนาด 2–3 คน เริ่มต้นประมาณ 50,000–120,000 บาท
ซาวน่าไอน้ำ ประมาณ 70,000–150,000 บาท
อินฟราเรดซาวน่าสำเร็จรูป เริ่มที่ 40,000 บาทขึ้นไป
หากเป็นซาวน่าขนาดใหญ่แบบสปา หรือรีสอร์ต อาจใช้เงินหลักหลายแสนถึงหลักล้านบาท
เคล็ดลับการใช้ซาวน่าอย่างปลอดภัย
ดื่มน้ำก่อนและหลังอบซาวน่าเพื่อป้องกันร่างกายขาดน้ำ
ไม่ควรอยู่ในห้องซาวน่านานเกิน 15–20 นาที
หลีกเลี่ยงการเข้าซาวน่าทันทีหลังออกกำลังกายหนัก
ผู้ที่มีโรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง หรือหญิงตั้งครรภ์ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้งาน
หลังซาวน่า ควรอาบน้ำเย็นเพื่อปรับอุณหภูมิร่างกาย
ซาวน่า คือ อีกหนึ่ง “ความผ่อนคลาย” ที่นอกจากจะช่วยฟื้นฟูสภาพร่างกายของผู้ใช้ได้แล้ว ยังช่วยลดความเครียดและความกดดันทางจิตใจให้กับผู้ใช้ได้อีกด้วย ถือเป็นการลงทุนที่ช่วยเพิ่มมูลค่าให้บ้านหรือธุรกิจได้ไม่ต่างจาก Hydrotherapy เลยทีเดียว แต่ควรเลือกห้องซาวน่าให้เหมาะสมกับพื้นที่ งบประมาณ และความต้องการ เพื่อให้สามารถใช้งานได้อย่างปลอดภัยและผ่อนคลายที่สุด