top of page

SIAMPOOL THAILAND

BLOG & UPDATE

ห้องเครื่องสระว่ายน้ำ ขนาดเท่าไหร่ ต้องติดตั้งอะไรบ้าง

  • รูปภาพนักเขียน: Siampool Thailand
    Siampool Thailand
  • 14 พ.ย.
  • ยาว 2 นาที

อัปเดตเมื่อ 3 วันที่ผ่านมา

ห้องเครื่องสระว่ายน้ำ

อีกหนึ่งองค์ประกอบที่ถือว่าเป็นหัวใจสำคัญของการสร้างสระว่ายน้ำคือ “ห้องเครื่องสระว่ายน้ำ” หรือ Pool Equipment Room ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ระบบสระว่ายน้ำแทบทั้งหมดรวมอยู่ในห้องเดียว ไม่ว่าจะเป็น ระบบกรองน้ำ ระบบหมุนเวียนน้ำ และระบบควบคุมคุณภาพน้ำ ซึ่งในบทความนี้จะพาไปทำความรู้จักจุดสำคัญจุดนี้อย่างละเอียด ให้เข้าใจว่า ห้องเครื่องสระว่ายน้ำคืออะไร ต้องมีอุปกรณ์อะไรติดตั้งบ้าง และควรมีขนาดเท่าไหร่ถึงจะเหมาะสมกับสระของคุณ


ห้องเครื่องสระว่ายน้ำ คืออะไร?


ห้องเครื่องสระว่ายน้ำ คือ พื้นที่หรือห้องที่รวบรวมอุปกรณ์ที่ใช้ในระบบหมุนเวียนน้ำ ระบบบำบัดน้ำ และระบบควบคุมคุณภาพน้ำในสระเอาไว้ เช่น ปั๊มน้ำ, เครื่องกรองสระว่ายน้ำ, ถังกรองทราย, ระบบคลอรีน และระบบไฟฟ้าควบคุมต่าง ๆ 


ห้องเครื่องสระว่ายน้ำ ต้องติดตั้งอะไรบ้าง?


1. ปั๊มน้ำสระว่ายน้ำ


อุปกรณ์หลัก ๆ ที่ต้องมีในห้องเครื่องสระว่ายน้ำก็คือ “ปั๊มสำหรับสระว่ายน้ำ” ซึ่งเป็นหัวใจของระบบหมุนเวียนน้ำ โดยตัวปั๊มจะดูดน้ำจากท่อดูด ส่งน้ำผ่านถังกรองและระบบบำบัดก่อนส่งกลับเข้าสระ โดยทั่วไป สระว่ายน้ำขนาดเล็กจะใช้ปั๊มขนาด 1–2 แรงม้า (HP) ส่วนสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ อาจใช้ 3–5 แรงม้าขึ้นไป สำหรับการเลือกปั๊มสระว่ายน้ำนั้น ช่างสระว่ายน้ำให้คำแนะนำเอาไว้ว่า ควรเลือกปั๊มที่มีขนาดเหมาะสมกับปริมาตรน้ำของสระ (โดยปกติระบบกรอง จะต้องหมุนเวียนน้ำทั้งสระได้ภายใน 4–6 ชั่วโมง)


2. ถังกรองทราย หรือเครื่องกรองสระ


อีกหนึ่งอุปกรณ์ที่ต้องติดตั้งไว้ในห้องเครื่องสระว่ายน้ำ ก็คือ “ถังกรองสระว่ายน้ำ” หรือ “เครื่องกรองสระว่ายน้ำ” ซึ่งทำหน้าที่ดักจับสิ่งสกปรกต่าง ๆ เช่น ฝุ่น ใบไม้ ตะกอน และเศษผม โดยชนิดที่นิยมใช้ จะมี 3 แบบ ประกอบด้วย


  • ถังกรองทราย (Sand Filter) : ราคาคุ้มค่า ดูแลง่าย

  • ถังกรองผ้า (Cartridge Filter) : กรองละเอียดกว่าแต่ต้องล้างบ่อย

  • ถังกรอง DE (Diatomaceous Earth) : กรองละเอียดที่สุดแต่มีต้นทุนสูง


ขนาดถังกรองควรสัมพันธ์กับอัตราการไหลของปั๊มน้ำ เช่น ปั๊ม 2 แรงม้า ควรใช้ถังกรองขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 30–36 นิ้ว เป็นต้น


3. ระบบบำบัดน้ำ


นอกจากถังกรองสระว่ายน้ำแล้ว ห้องเครื่องสระว่ายน้ำจำเป็นต้องมีระบบฆ่าเชื้อหรือ "ระบบบำบัดสระว่ายน้ำ" เพื่อควบคุมแบคทีเรียและตะไคร่น้ำในสระว่ายน้ำด้วย โดยระบบยอดนิยม จะมีทั้งหมด 4 แบบหลัก ๆ ได้แก่


  1. คลอรีนเม็ดหรือคลอรีนเหลว : ประหยัดและง่ายในการใช้งาน

  2. ระบบน้ำเกลือ : แปลงเกลือเป็นคลอรีนอัตโนมัติ ให้สัมผัสน้ำที่อ่อนโยนต่อผิว

  3. ระบบโอโซน : ช่วยฆ่าเชื้อโดยไม่ทิ้งสารตกค้าง

  4. ระบบยูวี : ใช้แสง UV ฆ่าเชื้อแบคทีเรียในน้ำ


4. วาล์วและท่อระบบน้ำ


วาล์วสระว่ายน้ำและท่อระบบน้ำ” เป็นอุปกรณ์สระว่ายน้ำที่ใช้สำหรับการควบคุมทิศทางการไหลของน้ำให้เข้าสู่ปั๊มและไหลออกจากปั๊ม ถือเป็นระบบทางเดินของสระว่ายน้ำ หากวางท่อหรือวาล์วผิด น้ำจะไหลไม่ดี แรงดันตก หรืออาจทำให้ปั๊มทำงานหนักจนเสียหายก่อนเวลาได้ จัดเป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์ที่ต้องมีในห้องเครื่องสระว่ายน้ำเช่นเดียวกัน


5. ตู้ควบคุมไฟฟ้า


“ตู้ควบคุมไฟฟ้า” คือ ศูนย์ประสาทหลักของระบบสระว่ายน้ำ ทำหน้าที่ควบคุมการทำงานของอุปกรณ์ทุกอย่างในห้องเครื่อง โดยทั่วไปภายในตู้จะประกอบด้วยเบรกเกอร์ สำหรับตัดไฟกรณีเกิดกระแสเกิน เบรกเกอร์กันไฟรั่ว เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้งาน คอนแทคเตอร์และไทม์เมอร์ สำหรับตั้งเวลาการเปิด–ปิดอัตโนมัติของปั๊มน้ำ


6. ถังเก็บน้ำสำรอง หรือบ่อพักน้ำ


“ถังเก็บน้ำสำรอง” หรือ “บ่อพักน้ำ” เป็นส่วนประกอบที่จำเป็นในระบบสระว่ายน้ำแบบ Overflow (น้ำล้นขอบ) มีหน้าที่หลัก ๆ คือ รองรับน้ำส่วนเกินจากสระเมื่อน้ำล้นออกจากสระ และหมุนเวียนน้ำกลับเข้าสู่ระบบกรอง ถือเป็นหัวใจสำคัญของระบบหมุนเวียนน้ำแบบ Overflow ในห้องเครื่องสระว่ายน้ำจึงจำเป็นต้องมีถังเก็บน้ำสำรอง หรือบ่อพักน้ำ ติดตั้งอยู่นั่นเอง


7. ระบบไฟส่องสว่างและความปลอดภัย


ภายในห้องเครื่องสระว่ายน้ำ จะเป็นพื้นที่ปิด และมีอุปกรณ์ไฟฟ้าหลายชนิดอยู่รวมกัน เช่น ปั๊มน้ำ, ระบบกรอง, ตู้ควบคุมไฟ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่น ๆ ดังนั้น “ระบบไฟส่องสว่างและระบบความปลอดภัยทางไฟฟ้า” จึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องติดตั้งเอาไว้ในห้องเครื่องสระว่ายน้ำ เพื่อให้การทำงานในพื้นที่นี้ปลอดภัยและสะดวกต่อการดูแลรักษาในระยะยาวนั่นเอง โดยอย่าลืมติดตั้งไฟส่องสว่างเพียงพอ (กันน้ำได้ระดับ IP65 ขึ้นไป) และควรมีเบรกเกอร์กันไฟรั่ว (ELCB) เพื่อความปลอดภัยของผู้ดูแลด้วย


ห้องเครื่องสระว่ายน้ำ ขนาดเท่าไหร่จึงจะเหมาะสม?


ห้องเครื่องสระว่ายน้ํา ขนาดจะขึ้นอยู่กับขนาดของสระและอุปกรณ์ที่ใช้ โดยทั่วไปจะมีขนาดดังนี้


  • ห้องเครื่องสระว่ายน้ํา ขนาดเล็ก 2×3 เมตร หรือประมาณ 6 ตารางเมตร เหมาะกับสระว่ายน้ำขนาดเล็ก ที่มีน้ำ 40–50 ลูกบาศก์เมตร 

  • ห้องเครื่องสระว่ายน้ํา ขนาดกลาง 3×4 เมตร หรือประมาณ 12 ตารางเมตร เหมาะกับสระว่ายน้ำขนาดกลาง ที่มีน้ำ 70–100 ลูกบาศก์เมตร 

  • ห้องเครื่องสระว่ายน้ํา ขนาดใหญ่ 4×6 เมตร หรือใหญ่กว่า เหมาะกับสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ ที่มีน้ำ 150 ลูกบาศก์เมตรขึ้นไป


ข้อควรคำนึง 


  • ห้องเครื่องสระว่ายน้ำควรอยู่ ใกล้กับสระมากที่สุด (ไม่เกิน 10 เมตร) เพื่อลดแรงดันน้ำสูญเสียในท่อ

  • ความสูงของพื้นห้องเครื่องควรต่ำกว่าระดับน้ำในสระเล็กน้อย เพื่อช่วยให้ปั๊มดูดน้ำได้ดี

  • ควรเผื่อพื้นที่รอบอุปกรณ์อย่างน้อย 50–80 ซม. เพื่อสะดวกในการซ่อมบำรุง


เคล็ดลับดูแลห้องเครื่องให้ใช้งานได้ยาวนาน


  1. ล้างถังกรองทุก 1–2 สัปดาห์ (ระบบทราย) หรือเปลี่ยนไส้กรองทุก 2–3 เดือน (ระบบ Cartridge)

  2. ตรวจเช็กแรงดันเกจ ถ้าความดันสูงเกินปกติ แปลว่าถังกรองเริ่มตัน

  3. ล้างห้องเครื่องเดือนละ 1 ครั้ง ป้องกันน้ำขังและตะไคร่

  4. หมั่นตรวจรอยรั่วของท่อและวาล์ว

  5. อย่าเก็บสารเคมีไว้รวมกับอุปกรณ์ไฟฟ้า – ควรแยกไว้ในตู้ปิดหรือห้องเก็บสารเคมีต่างหาก


ห้องเครื่องสระว่ายน้ำ ถือเป็นหัวใจสำคัญของระบบสระว่ายน้ำ เพราะเป็นจุดที่ควบคุมการทำงานทั้งหมด ตั้งแต่การกรองน้ำ การหมุนเวียน การฆ่าเชื้อ ไปจนถึงระบบไฟและความปลอดภัย การออกแบบห้องเครื่องให้มีขนาดเหมาะสม เลือกอุปกรณ์คุณภาพ และติดตั้งโดยผู้เชี่ยวชาญ จะช่วยให้สระว่ายน้ำของคุณใสสะอาด และดูแลง่ายในระยะยาว หากคุณกำลังวางแผนจะสร้างห้องเครื่องสระว่ายน้ำ ควรเลือกผู้รับเหมาที่มีความเชี่ยวชาญและเข้าใจระบบห้องเครื่องมาจัดการในส่วนนี้ เช่น บริษัทรับสร้างสระว่ายน้ำ เชียงใหม่ เป็นต้น เพื่อให้ได้สระว่ายน้ำที่ใช้งานได้อย่างปลอดภัยมากที่สุด


และหากสงสัยว่ารับสร้างสระว่ายน้ำ ราคาเท่าไหร่ คิดราคาอย่างไร ตอบให้ตรงนี้เลยว่า ช่างสระว่ายน้ำส่วนมากจะคิดราคาตามขนาดของสระว่ายน้ำและขนาดของห้องเครื่องสระว่ายน้ำที่ต้องการสร้างนั่นเอง

 
 
bottom of page